เรียนภาษา Java กัน
Java คืออะไร?
Java เป็นภาคภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการออกแบบ สำหรับการใช้บนอินเตอร์เน็ต โดยมีส่วนของการ "look and feel" แบบภาษา C++ แต่ง่ายกว่าการใช้ C++ และสามารถสร้างมุมมองโดยโปรแกรมได้ Java สามารถใช้ในการสร้างการประยุกต์แบบสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเรียกใช้ได้เฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือการกระจายระหว่างเครื่องแม่ข่ายกับลูกข่ายในระบบเครือข่าย และสามารถสร้างโมดูลการประยุกต์ขนาดเล็กหรือ applet สำหรับเป็นส่วนของเว็บเพจ applet ทำให้มีความเป็นได้ในด้านการตอบสนองของผู้ใช้กับเว็บเพ็จ
(Applet คืออะไร Applet หรือ Java Applet คือ โปรแกรมขนาดเล็ก ในภาษา Java (ที่ไม่สามารถรันได้ด้วยตนเอง ต้องมีโปรแกรมอื่นๆ มาเรียกใช้งาน เช่นWeb server ที่ติดตั้ง JRE (java runtime environment) หรือ Sun's AppletViewer) มักถูกกำหนดไว้ให้ใช้งานได้บนเว็บเพจ โดยแสดงผลผ่านเว็บบราวเซอร์ Applet นั้นมีจุดเด่นที่สามารถสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้งานเป็น Graphic User Interface (GUI ) ได้ทำให้สามารถแสดงข้อความ และสามารถตกแต่งด้วยภาพกราฟิกสวยงามได้)
คุณลักษณะของ JAVA
Java ได้รับการแนะนำโดย Sun Microsystems ในปี 1995 และทำให้เกิดทัศนคติการตอบสนองของเว็บ ทำให้ web browser รายหลักได้รวม Java virtual machine เป็นส่วนหนึ่งของ browser ผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการเกือบทั้งหมดได้ร่วม Java complier เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ Java virtual machine รวมถึงตัวเลือกคือ Just-in-time complier ซึ่งเป็น complier แบบไดนามิคในการคอมไพล์ byte code เป็นคำสั่งที่ประมวลผลได้ เป็นตัวเลือกในการแปร bytecode ในหลาย ๆ กรณี dynamic JIT สามารถคอมไพล์ได้เรียกว่าการแปรของ Java virtual machine JavaScript เป็นภาษาที่พัฒนาโดย Netscape ซึ่งเป็นตัวแปร (Interpreter) ภาษาระดับสูงและง่ายกว่าการเขียนด้วย Java แต่ขาดความกะทัดรัดเหมือน Java และความเร็วไม่มาก เนื่องจาก Java applet สามารถใช้งานได้รับเกือบทุกระบบปฏิบัติการ โดยไม่ต้องคอมไพล์ใหม่และ Java ไม่ใช้ส่วนขยายของระบบปฏิบัติการหรือตัวแปร ดังนั้น Java จึงได้รับพิจารณาเป็นภาษาหลักในการพัฒนาการประยุกต์บนเว็บ
เริ่มต้นโปรแกรมภาษาจาวา
(Introduction Java Programming)
1.1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับภาษาจาวา
1.1.1 ประวัติความเป็นมา
เป็นภาษาที่ถูกพัฒนาโดย Dr.Jame Gosling บริษัท Sun Microsystems เดิมทีชื่อ ภาษาโอ๊ค (Oak) เป็นชื่อต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในบริเวณบ้าน ที่ทีมวิศวกรของซัน ทำงานอยู่ นำมาใช้ในการพัฒนาโปรแกรมขนาดจิ๋วสำหรับ อุปกรณ์ เครื่องใช้อิเล็คทรอนิกส์ ได้ทำการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ภาษาจาวา (Java) ตามชื่อกาแฟที่ทีมพัฒนาดื่ม
1.1.2 จุดเด่น
1.1.3 ชนิดของโปรแกรม Java
1.2 สถาปัตยกรรมของภาษาจาวา
1.2.1 สถาปัตยกรรมของจาวา ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน
1.2.2 การแปลงโค้ดของภาษาจาวา
1.3 เครื่องมือ และขั้นตอน ในการพัฒนาโปรแกรม
1.3.1 เครื่องมือพัฒนาโปรแกรม
Java Development Kit ได้ถูกเปลี่ยนให้มีชื่อเป็น J2SDK – Java 2 Software Development Kit
เป็นชุดโปรแกรมที่ใช้สำหรับสร้างและพัฒนาโปรแกรมภาษาจาวา ภายในชุดประกอบด้วยโปรแกรมต่าง ๆ ดังนี้
1.3.2 ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
1.3.3 การคอมไพล์และรันของโปรแกรม
รูปแบบของโปรแกรม ทำได้ 2 ลักษณะ คือ
1.3.4 ขั้นตอนการคอมไพล์และรันโปรแกรม
สิ่งที่ควรคำนึงในการ Compile
1.4 โครงสร้างโปรแกรมภาษาจาวา
public class ชื่อคลาส{
public static void main(String[] agrs)
{
ประโยคคำสั่งต่างๆ ของโปรแกรม;
..................................................;
}
}
ตัวอย่างโปรแกรมภาษาจาวา
ไฟล์ Example.java
class Example
{
public static void main(String[] args)
{
String dataname = “Java Language“;
System.out.println(“My name is OAK“);
System.out.println(“OAK is a “ + dataname +“. “);
}
}
{
public static void main(String[] args)
{
String dataname = “Java Language“;
System.out.println(“My name is OAK“);
System.out.println(“OAK is a “ + dataname +“. “);
}
}
หมายเหตุ
Compile | : | javac Example.java จะได้ไฟล์ Example.class |
Run | : | java Example |
Output | : | My name is OAK
OAK is a Java Language |
คำอธิบาย
- method main( ) จะเป็น method หลักที่ใช้ในการ run program ดังนั้นการกระทำต่าง ๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ในการ run program จะต้องทำการเขียนคำสั่งไว้ใน method นี้
- การแสดงผลทางจอภาพ (Console Output) ใช้ method ชื่อ "println" ซึ่งอยู่ใน System.out คำสั่งนี้จะรับข้อมูลที่เป็น String เพื่อนำมาแสดงผลทางจอภาพ
ตัวแปรและชนิดของข้อมูล
(Variable and Data Types)
2.1 ตัวแปร (Variable)
- ตัวแปร หรือ Variable เป็นที่เก็บข้อมูลต่างๆ ที่เราต้องการใช้ในการประมวลผล- ตัวแปรเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในการแทนหน่วยความจำ (Memory) ที่อยู่ในเครื่อง และ Compiler จะเป็นผู้กำหนดว่าอยู่ที่ใด มีขนาดเท่าใด
2.1.1 กฏเกณฑ์ในการตั้งชื่อตัวแปร
2.1.2 คำสงวน (Reserved Words)
abstract, assert, boolean, break, byte, case, catch, char, class, const, continue, default, do, double, else, enum, extends, final, finally, float, for, goto, if, implements, import, instanceof, int, interface, long, native, new, package, private, protected, public, return, short, static, strictfp, super, switch, synchronized, this, throw, throws, transient, try, void, volatile, while
2.2 ชนิดของข้อมูล (Data Type)
ชนิดข้อมูลในภาษาจาวาแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ
2.2.1 ชนิดข้อมูลแบบพื้นฐาน (primitive data type)
หมายถึงชนิดข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลที่เป็นข้อมูลทั่วไปหรือข้อมูลพื้นฐาน มีทั้งหมด 8 ตัว ได้แก่ boolean, char, byte, short, int, long, float,double
2.2.2 ชนิดข้อมูลแบบอ้างอิง (reference data type)
มีความแตกต่างกับชนิดข้อมูลพื้นฐาน ที่ว่าชนิดข้อมูลชนิดนี้อยู่ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งการเข้าถึง(ใช้งาน)ข้อมูลเป็นการอ้างถึง มากกว่าการเข้าถึงข้อมูลโดยตรง เก็บข้อมูลไว้ 2 ส่วน คือ - Execution Stack เก็บค่าอ้างอิงที่ชี้ไปยัง Heap memory - Heap Memory เก็บข้อมูลที่เรียกว่าออปเจ็ค ที่สร้างขึ้นมาจากคลาส
ชนิดข้อมูล |
ขนาด(bit) |
ค่าที่เก็บได้ |
---|---|---|
boolean | JVM กำหนด | true หรือ false |
byte | 8 | -128 ถึง 127 |
short | 16 | -32768 ถึง 32767 |
int | 32 | -2147483648 ถึง 2147483648 |
long | 64 | -9223372036854775808 ถึง 9223372036854775808 |
float | 32 | -3.4E38 ถึง 3.4E38 |
double | 64 | -1.7E308 ถึง 1.7E308 |
char | 16 | ใช้เก็บอักขระที่มีรหัสตั้งแต่ 0 ถึง 65535 |
2.3 การประกาศค่าตัวแปร
2.3.1 รูปแบบการประกาศ
datatype ชื่อตัวแปร;
ตัวอย่าง
int Num1, Num2;
float value1, value2
2.3.2 การกำหนดค่าให้ตัวแปร(Assignment)
ใช้เครื่องหมาย = เรียกว่า Assignment operator
นำค่าทางขวามือของเครื่องหมาย = มาเก็บทางซ้ายมือของเครื่องหมาย =
ตัวอย่าง
number = 2;
area = PI*r*r;
2.3.3 การใช้ final ในการกำหนดค่าให้กับตัวแปร
เป็นการประกาศตัวแปร ที่ตัวแปรนั้นๆ จะไม่สามารถมีค่าอื่นๆได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนค่าภายในโปรแกรม หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการใส่ข้อมูลใหม่ผ่านทาง keyboard
การใช้ final จะทำให้โปรแกรมมีความแม่นยำและมั่นคงมากยิ่งขึ้น การทำจะเปลี่ยนค่าเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ ทำให้การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากโปรแกรมเมอร์เอง
2.3.4 อายุ และขอบเขตการใช้งาน (life-time- and scope)ของตัวแปร
หลังจากที่มีการประกาศใช้ตัวแปรใดๆ ในโปรแกรม ตัวแปรเหล่านี้จะมีขอบเขต หรืออายุการใช้งานตามลักษณะ การประกาศตัวแปรของผู้เขียนโปรแกรมเอง โดย ตัวแปรจะมีอายุการใช้งานตามเนื้อที่ (block) ที่ตัวแปรเหล่านั้น ปรากฏอยู่ ซึ่งจะอยู่ใน เครื่องหมาย { }
2.4 การประมวลผล
ในภาษาจาวา ประโยค (statement) จะจบด้วยเครื่องหมาย ; (semicolon) เสมอ ดังนั้นโปรแกรมสามารถเขียน statement ได้มากกว่าหนึ่งสเตจเม็นต์ในหนึ่งบรรทัดของ source code หรือสามารถเขียน statement โดยมีความยาวมากกว่าหนึ่งบรรทัดก็สามารถทำได้ Expression หมายถึง ประโยคในภาษา Java ที่ได้รับการยอมรับว่าอยู่ในรูปแบบที่ได้กำหนดไว้การเขียน code ให้มีรูปแบบที่เหมาะสม อ่านได้ง่าย จะทำให้การพัฒนาโปรแกรมเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วและ เป็นที่ยอมรับตามระบบสากล รูปแบบที่เหมาะสมนั่นคือ การย่อหน้า (indentation) เพื่อให้การอ่านทำได้ง่าย และมอง ดูสวยงาม
เมื่อมีตัวแปรหลายตัวในการประมวลผลของประโยค ลำดับขั้นของการประมวลผลมีความสำคัญ เนื่องจากรูปแบบของ การประมวลผลตามขั้นของ operator ต่างๆ มีลำดับการประมวลผลที่ไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นไปตามกฎของการประมวลผล ทางคณิตศาสตร์ ได้แก่
1) การประมวลผลข้อมูลที่เป็นจำนวนเต็ม
2) การประมวลผลด้วยตัวแปรที่มีจุดทศนิยม
3) การประมวลผลข้อมูลต่างชนิดกัน
- ถ้าตัวแปรใดเป็น double ตัวแปรที่นำมาประมวลผลด้วยจะถูกเปลี่ยนให้เป็น double ก่อนการประมวลผล
- ถ้าตัวแปรใดเป็น float ตัวแปรที่นำมาประมวลผลด้วยจะถูกเปลี่ยนให้เป็น float ก่อนการประมวลผล
- ถ้าตัวแปรใดเป็น long ตัวแปรที่นำมาประมวลผลด้วยจะถูกเปลี่ยนให้เป็น long ก่อนการประมวลผล
4) การประมวลผลตัวเลขที่มีขนาดใหญ่
Java จะมี class BigInteger ที่สามารถเรียกใช้เพื่อประมวลผลตัวเลขที่มีค่ามากกว่า int ที่จะเก็บค่าได้
ลำดับขั้นการประมวลผลของเครื่องหมาย
ลำดับที่ |
เครื่องหมาย |
ลำดับที่ |
เครื่องหมาย |
---|---|---|---|
1 | วงเล็บ ( ) | 6 | = =, != |
2 | ++,-- | 7 | && |
3 | *, /, % | 8 | || |
4 | +, - | 9 | =, +=, -=, *=, /=, %= |
5 | <, <=,>, >= |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น